อยากรู้อะไร? ค้นหาเลย

คุณมีความพอใจบล๊อคนี้ยังไง ?

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
นางสาว ณัฐธิชา พัชรไพลิน นิสิตชั้นปีที่ 2 คณะการบัญชีและการจัดการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

โรคประหลาด!! หลงรักสิ่งของเป็นคู่ชีวิต

หลงรัก สิ่งของ ฉันท์ผัวเมีย

เมื่อไม่นานเห็นหนุ่มแดนกิมจิ แต่งงาน กับ หมอนข้าง ตอนแรกก็คิดว่า เป็นพวกอยากดังทำตัวเป็นข่าว แต่วันนี้ไปเจอ คำว่า "Object sexuality" จึงทำให้ทราบว่าอาการดังกล่าวนั้นเป็นการป่วยทางจิต



  • โรค Object sexuality ใช้ชื่อย่อว่า OS หรือบางครั้งรู้จักกันในชื่อ objectophilia
  • ผู้ป่วยจะมีอาการ ทางอารมณ์ หลงไหลในวัตถุสิ่งของ รัก ในวัตถุสิ่งของที่ไม่มีชีวิต บ้างก็หลงไหลในสิ่งก่อสร้างในความแข็งแกร่งและพลกำลัง
  • บ่อยครั้งที่ผู้ป่วยจะมีความเชื่อเรื่อง วัตถุสิ่งของที่ตนเองหลงรักนั้น มีจิตวิญญาณ มีความรู้สึก ทรงภูมิปัญญา และสามารถพูดคุยติดต่อสื่อสารกับ ผู้ป่วยได้
  • ผู้ป่วยบางคนถึงกับ ปิดกันความรู้สึกทางเพศกับมนุษย์เลยทีเดียว
  • เคสที่โด่งดัง ก็เป็นเคสของ Eija-Riitta Eklöf หญิงชาวสดีเดน จากเมืองLiden ผู้ซึ่งแต่งงานกับ กำแพงเบอร์ลิน(ฺBerlin Wall) ในช่วงปี 1970
  • อีกเคศในปี 2007 หญิงสาวชาวอเมริกันจาก ซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย นามว่า Erika Eiffel ที่ป่วยจากโรค OS เธอได้ทำการแต่งงานกับหอไอเฟล แถมยังก่อตั้งสมาคมชาวรักวัตถุนานาชาติ(OS Internationale)

Eija-Riitta Eklöf ผู้หลงรัก กำแพงเบอร์ลิน


Erika Eiffel ผู้หลงรัก หอไอเฟล (เดิมเธอไม่ได้ชื่อ Eiffle แต่เธอเปลี่ยนชื่อให้เหมือน สามี โชดดีที่หอไอเฟลไม่มีนามสกุล ไม่งั้นเธอต้องใช้นามสกุล ของ หอไอเฟลด้วยแน่ๆ)

วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2554

พิธีเสกสมรส เจ้าชายวิลเลียม-เคต มิดเดิลตัน


29 เมษายนนี้ โลกจะหยุดการเคลื่อนไหวเพื่อเฝ้าชมเหตุการณ์สำคัญ

เหตุการณ์งานพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายวิลเลียมและเคต มิดเดิลตัน ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ แอบบีย์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
งาน ฉลองความรักอันยิ่งใหญ่ของเจ้าชายผู้สูงศักดิ์และ หญิงสาวในครอบครัวชนชั้นกลาง ที่ยามนี้ถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางราวกับเรื่องราวความรักในเทพนิยาย
และเทพนิยายเรื่องนี้ก็กำลังทำให้คนทั่วโลกร่วมชื่นชมยินดี

สาวสามัญชนสู่เจ้าหญิง

       เคต มิดเดิลตัน ได้ทำให้หัวใจของหญิงสาวสามัญชนหลายคนพากันฝันหวานในการเป็นเจ้าหญิง
เพราะ เมื่อเธอได้กลายเป็นว่าที่เจ้าหญิงแห่งราชวงศ์อังกฤษ หลังจากได้พบและคบหาดูใจกับเจ้าชายวิลเลียมในขณะศึกษาอยู่คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเซนต์ แอนดรูส์ ประเทศ สกอตแลนด์ เมื่อปี พ.ศ. 2549 ซึ่งแม้จะมีช่วงเวลาแห่งการเหินห่าง ในปี 2551 แต่ทว่าในวันนี้เธอก็กลับมายืน เคียงข้างเจ้าชายวิลเลียม

       ตั้งแต่ ชื่อของ "เคต" ปรากฏว่าเป็นแขก คนสำคัญของเจ้าชายวิลเลียม จนถึงวันประกาศหมั้นอย่างเป็นทางการ และวันที่จะมีพิธีเสกสมรสอย่างยิ่งใหญ่นั้น ความนิยมในตัวเคตไม่เคยตกลงเลย ทว่ากลับพุ่งทะยานขึ้นเรื่อย เสียด้วยซ้ำ เห็นได้จากสิ่งที่เดลิเมล์ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นที่พบว่า การแต่งงานในครั้งนี้จะทำให้ระบอบกษัตริย์ในอังกฤษแข็งแกร่งขึ้น ขณะที่พบเสียงสนับสนุนในการที่จะให้เคตขึ้นเป็นพระราชินีพุ่งขึ้นอย่างรวด เร็ว หลังจากชาวอังกฤษชื่นชอบในการวางตัวอย่างสง่างามของเธอ นับแต่หมั้นหมายกับเจ้าชายวิลเลียมเมื่อ 16 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ภาพลักษณ์ของเธอได้ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือและสร้างความประทับใจให้กับผู้ คน

       น่าแปลกก็คือในช่วงเดือนแห่งการหมั้นหมาย ผลสำรวจพบว่า มีชาวอังกฤษไม่ถึงครึ่งที่คิดว่าเจ้าชายวิลเลียมเหมาะสมที่จะทรงเข้าพิธีเสก สมรสกับสามัญชน แต่ในขณะที่งานพิธีอันยิ่งใหญ่ใกล้จะถึงในอีกไม่กี่อึดใจ ผลสำรวจเดียวกันกลับเพิ่มขึ้นถึง 85%

รสชาติแบบเคต

       อิทธิพล จากความสง่างามของเคต มิดเดิลตัน ยังส่งไปถึงเรื่องอาหารการกิน ที่เธอกลายเป็นแรงบันดาลใจให้นักปรุงรสชาติหลายต่อหลายคนได้สร้างสรรค์อะไร ใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อการนี้
อย่าง ชาทไวนิ่งส์ (Twinings of London) ต้นตำรับชาอังกฤษกว่า 300 ปี และเป็นเครื่องดื่มในราชสำนักประจำราชวงศ์อังกฤษมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1837 ยังได้เบลนด์ชาขึ้นมาใหม่ในชื่อ "ทไวนิ่ง เดอะ รอยัล เวดดิ้ง คอมเมมโมเรทีฟ เบลนด์" รังสรรค์ขึ้นเพื่อร่วมเฉลิมฉลองพิธี เสกสมรสของเจ้าชายวิลเลียม และแคตเทอรีน เอลิซาเบท เคต มิดเดิลตัน

       รสชาติใหม่ของชาทไวนิ่งส์ ที่ทำขึ้นพิเศษนี้ ได้นำเอาบุคลิกอันสง่างาม เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ความชาญฉลาดที่แฝงด้วยความสดใสของว่าที่เจ้าหญิงคนใหม่มา รังสรรค์ โดยใช้ "ชาขาว" ซึ่งได้รับการยอมรับจากนักดื่มชาทั่วโลกว่าเป็นสุดยอดชาที่มีคุณภาพดีที่สุด และสื่อถึงสีของชุดแต่งงานของเจ้าสาวตามประเพณีนิยมในอังกฤษ เป็นส่วนผสมหลัก นำ "กลีบกุหลาบสีชมพู" ที่ให้ความหอมและกลิ่นอายแห่งความรัก สื่อถึงความงามสง่าและเสน่ห์ของเจ้าหญิงคนใหม่ อีกทั้งยังนำ "มะกรูด" มาเติมความสดชื่น ที่สะท้อนถึงแคแร็กเตอร์อันสดใสของเคต
ทั้งสามส่วนผสมเมื่อเบลนด์รวมกันจะได้ผลชารสนุ่ม สีเหลืองทอง ซึ่งมีกลิ่นอายของความรักอย่างมากมายเลยทีเดียว
"ทไวนิ่ง เดอะ รอยัล เวดดิ้ง คอมเมมโมเรทีฟ เบลนด์" นี้เป็นเอ็กคลูซีฟลิมิเต็ดเอดิชั่น มีวางขายในอังกฤษเพียงแห่งเดียวเท่านั้น

       นอก จากนี้ โรงเบียร์เก่าแก่ในเมืองน็อตติ้งแฮม ชื่อ คาสเซิล ร็อค บริวเวอรี่ ร่วมฉลองวาระเสกสมรสด้วยการออกเบียร์ในวาระพิเศษชื่อ "Kiss Me Kate" รสชาติของเบียร์จะออกแนวหรูหรา มีความเป็นอังกฤษดั้งเดิม สร้างความสมดุลระหว่างความขมและหวานไว้อย่างลงตัว ผลิตแค่ 40 บาร์เรล ซึ่งคำนวณแล้วจะได้เบียร์ประมาณ 100 ขวด



การ์ดเชิญร่วมงานพิธีเสกสมรสระหว่าง เจ้าชายวิลเลี่ยม และ เคท มิดเดิลตั้น



ของชำร่วยงานอภิเษกสมรสของเจ้าชายวิลเลียมและเคต มิดเดิลตัน

เศรษฐกิจพอเพียง

หลักปรัชญา
      
"...การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐาน คือ ความพอมีพอกิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน โดยใช้วิธีการและใช้อุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชา เมื่อได้พื้นฐานมั่นคงพร้อมพอควรและปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกิจขั้นที่สูงขึ้นโดยลำดับต่อไป หากมุ่งแต่จะทุ่มเทสร้างความเจริญ ยกเศรษฐกิจขึ้นให้รวดเร็วแต่ประการเดียว โดยไม่ให้แผนปฏิบัติการสัมพันธ์กับสภาวะของประเทศและของประชาชนโดยสอดคล้องด้วย ก็จะเกิดความไม่สมดุลในเรื่องต่าง ๆ ขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นความยุ่งยากล้มเหลวได้ในที่สุด..."
                               พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2517

วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554

เผยยอดรับแอดมิชชั่น Admission 2554 กว่า 1 แสนคน !!

     แอดมิชชั่น มันใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้วโดยปีนี้ มีที่นั่งในแอดมิชชั่น กว่า 1 แสนที่นั่ง  แต่สถาบันดัง ๆจริงมีแค่ 2 หมื่นที่นั่งเท่านั้น
    ผู้จัดการ สอท.เผยจำนวนรับแอดมิชชั่นส์กลาง ปีการศึกษา 2554 ล่าสุดมี 113,090 คน ใกล้เคียงกับปีการศึกษา 2553 พร้อมระบุรายชื่อ 24 มหาวิทยาลัย แจ้งส่งรายชื่อรับตรง เพื่อตัดสิทธิ์เข้าระบบแอดมิชชั่นส์กลาง และมีหลายแห่งเริ่มทยอยส่งรายชื่อมาแล้ว ย้ำนักเรียนที่กำลังศึกษาต่ำกว่าชั้น ม.6 ที่สมัครสอบ GAT/PAT เดือน ก.ค., ต.ค. ปี 2553 และ มี.ค. ปี 2554 ใช้ผลแอดฯกลางไม่ได้

   

โรคกลัวอ้วน (Anorexia Nervosa)

     

      โรคกลัวอ้วน (Anorexia Nervosa) เป็นภาวะที่บุคคลปฏิเสธที่จะรับประทานอาหารเพื่อคงน้ำหนักไว้ในระดับปกติ โดยมีทัศนคติที่ผิดต่อรูปร่างและน้ำหนักตัวผิดปกติ  คนที่เป็นโรคนี้ จะเป็นคนที่กลัวอ้วน กลัวเอามากๆ เห็นน้ำหนักตัวเองเป็นศัตรู ปฏิเสธอาหารอย่างมากจนผ่ายผอม ในสังคมปัจจุบันสนใจน้ำหนักตัว ไม่ต้องการอ้วน ไม่ต้องการหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน คาดว่ามีผู้ป่วยโรคกลัวอ้วนเสียจนผอมเกินไปราวร้อยละ 0.5-1.8 ของประชากร มีผู้ป่วยรายใหม่เกิดขึ้นราว 5-10 รายต่อประชากร 1 แสนคน พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายหลายเท่า ในผู้ป่วยทั้งหมดจะเป็นผู้ชาย ไม่เกินร้อยละ 5-10 อาการของโรคมักเริ่มตอนวัยรุ่น โดยเฉลี่ยจะเริ่มเป็นเมื่ออายุ 17 ปี มีบ้างที่เป็นตอนเรียนมัธยมต้นหรือตอนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว พบมากในประเทศอุตสาหกรรมหรือประเทศที่เจริญแล้ว ประเทศด้อยพัฒนาจะพบน้อยกว่า
    

สิบแง่คิดดีๆสำหรับชีวิตประจำวัน




1.  Stay out of trouble
     จงหลีกห่างจากความยุ่งยาก เพราะถ้าตกลงไปแร้วมันขึ้นมาได้ยาก

2.  Aim for greater heights.
     มองเป้าหมายให้สูงๆหน่อย เผื่อเหนียวเอาไว้ พลาดไปเดี๋ยวเดือดร้อน
3.  Stay focused on your job.
     ทำความชัดเจนในเป้าหมายของงานที่ทำ ผิดเป้าหมายแล้วจะเหนื่อย
4.  Exercise to maintain good health.
     ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อสุขภาพ เพราะไม่มีใครช่วยเราได้
5.  Practice team work.
     ต้องเล่นกันเป็นทีม เพื่อเสริมพลัง
6.  Rely on your trusted partner to watch your back. Take your time trusting others.
     ให้เพื่อนร่วมงานที่ดีคอยช่วยสังเกตุงานเราและเราก็แบ่งเวลาไปช่วยเพื่อนด้วย
7.  Save for rainy days.
     ใช้ทรัพยากรเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้ด้วยในยามฉุกเฉิน
8.  Rest and relax.
     มีเวลาหยุดพักผ่อนและบันเทิงบ้าง ให้รางวัลกับตัวเอง
9.  Always take time to smile.
     ยิ้มเสมอในทุกสถานะการณ์ เดี๋ยวดีเอง
10. Realize that nothing is impossible.
      รู้ไว้ว่า ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้

วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2554

ผิวไหม้จากแสงแดด มี "วิธีรักษา!"

ผิวไหม้จากแสงแดด เรามี


วิธีรักษา ผิวไหม้จากแสงแดด

1. ใช้ถุงน้ำชาที่ชงดื่มแล้วไปแช่ในน้ำเย็นแล้วนำมาวางแปะตามบริเวณที่มีรอยไหม้แดด สามารถใช้ได้กับบริเวณใบหน้า

2. ใช้น้ำแข็งห่อในผ้าเช็ดหน้าแล้ววางบนรอยไหม้สัก 10 นาที ทำทุก 2-3 ชั่วโมง

3. เปิดน้ำในอ่างน้ำผสมข้าวโอ๊ตลงไปนอนแช่สัก 10 นาที ทำซ้ำเช่นนี้อีกทุกๆ 3 ชั่วโมง

4. ผสมน้ำแข็งก้อนลงในนมพร่องไขมันใช้ผ้าขนหนูจุ่มน้ำนมมาประคบตามผิวที่ไหม้แดดและแสบร้อนทำต่อเนื่องนาน 2 นาที และทำซ้ำอีกทุก 2 ชั่วโมง

เพียงเท่านี้ก็จะช่วยรักษารอยแผลไหม้จากแสงแดดได้แล้วล่ะค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2554

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของผักโขม

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของผักโขมคุณค่าทางอาหารของผักโขม
- ผักโขมเป็นผักใบเขียวที่อุดมด้วยวิตามินเอ กรดโฟเลต แคโรทีน วิตามินซี โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม แคลเซียม สังกะสี โปรตีน และไฟเบอร์

- ผักใบเขียวอย่างผักโขมเปี่ยมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกัน โรคมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งเต้านมและมะเร็งปอด

- ผักโขมช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยชะลอความแก่ วิตามินเอช่วยบำรุงรักษาสายตา บำรุงกระดูกและฟัน วิตามินซีช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันแก่ร่างกายให้ปลอดภัยจากโรค ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว ผักโขมยงมีธาตุเหล็กสูง และช่วยบำรุงเลือดอีกด้วย

สรรพคุณของผักโขม
- ผักโขมใบสดมีสรรพคุณรักษาแผลพุพอง ต้นมีสรรพคุณแก้อาการแน่นหน้าอกและไอหอบ และรากช่วยดับพิษร้อนถอนพิษไข้ขับถ่ายปัสสาวะ

- ผักโขม หั่นรากปรุงเป็นยาถอนพิษร้อน แก้คันถอนพิษไข้ แก้เสมหะขับปัสสาวะมักจะใช้เป็นยาสมุนไพร่วมกับผักโขมหิน

- ผักโขมหนาม รากผักโขมหนามเป็นยา แก้ตกเลือด แก้ฝี แก้ขี้กลาก เป็นยาขับน้ำนม แก้แน่นท้อง แก้พิษ แก้ช้ำใน แก้ไข้ระงับความร้อน แก้เด็กลิ้นเป็นฝ้าละอองเบื่ออาหาร



 



วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554

ยาเลื่อนประจำเดือน



     สาว ๆ อาจรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจ หากวันที่จะต้องเดินทางไกล ไปเที่ยวทะเล ไปเข้าค่าย หรือวันสำคัญในชีวิต คือ วันแต่งงาน แล้วบังเอิญเป็นช่วงประจำเดือนมาพอดี     ดังนั้นหลายคนจึงต้องวางแผน ด้วยการไปซื้อ "ยาเลื่อนประจำเดือน" มากินล่วงหน้า แต่อย่างว่าคนไม่เคยใช้ ก็ย่อมวิตกกังวลเป็นธรรมดา ว่าจะมีผลข้างเคียงอะไรตามมาหรือเปล่า
 
    เกี่ยวกับเรื่องนี้ ศ.นพ.อภิชาติ จิตต์เจริญ ภาควิชาสูติศาสตร์ - นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยา ลัยมหิดล บอกว่า
ยาเลื่อนประจำเดือน ถ้ามีฮอร์โมนโปรเจสโตเจนอย่างเดียว เรียกว่า "แบบเดี่ยว" แต่ถ้าเป็น “แบบผสม” จะมีทั้งโปร เจสโตเจนและเอสโตเจนรวมกัน ซึ่ง "แบบผสม" อาจมีผลข้างเคียงมากกว่า โดยทั่วไปที่ใช้กันอยู่จึงเป็นชนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสโตเจนตัวเดียว
 
ปกติการใช้ยาเลื่อนประจำเดือนจะไม่ใช้กันพร่ำเพรื่อ จะใช้ลักษณะชั่วครั้งชั่วคราว ในกรณีที่จำเป็นจริง ๆ เช่น ต้องเดินทางไปท่องเที่ยว หรือทำกิจกรรมสำคัญ ๆ โดยต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร

1 เมษา วันโกหก - April’s Fool Day

        วันเอพริล ฟูลส์ เดย์ (April’s Fool Day) หรือ วันโกหก มีเชื่อเรียกอื่นว่า วันเมษาหน้าโง่, วันโกหกเดือนเมษายน, วันเทศกาลคนโง่ เป็นเทศกาลในวันที่ 1 เมษายน วันนี้เป็นวันที่จะอนุญาตให้โกหกต่อกันได้ โดยไม่ถือโกรธ ในหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับของวันนี้ อาจมีเหตุการณ์น่าตกใจ ตื่นเต้นเป็นหัวข้อข่าว แต่แล้วในวันรุ่งขึ้นต่อมาจึงได้เฉลยว่าข่าวที่ลงไปนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด  
ที่มา
ประเทศฝรั่งเศส ในยุคศตวรรษที่ 16 ตอนนั้นชาวฝรั่งเศสมีวันปีใหม่ตรงกับวันที่ 1 เมษายน กระทั่งมาถึง ค.ศ.1582 สันตะปาปาเกรกอรีที่ 13 จึงกำหนดให้ชาวคริสต์ทั่วโลกฉลองวันปีใหม่พร้อมกันวันที่ 1 มกราคม
        คราวนี้สมัยก่อน ข่าวสารไม่ได้กระจายรวดเร็วเหมือนสมัยนี้ คนบ้านนอกของฝรั่งเศสบางกลุ่มยังไม่รู้ แถมบางคนได้ยินแล้วก็ยังไม่เชื่อ เลยฉลองวันปีใหม่กันวันที่ 1 เมษายน เหมือนเดิม ทำให้พวกไม่ตกยุคเย้ยหยันพวกตกยุคว่า “หน้าโง่” แถมยังพยายามจะแกล้งหลอกคนกลุ่มนี้เพื่อความสนุกสนานอีกด้วย
วิธีเล่น
      วันที่ 1 เมษายน ก็กลายเป็นวัน April’s Fool Day เรื่อยมา และวันที่ 1 เมษายน ก็เลยกลายเป็นวันที่คนแกล้งหลอกกันด้วยการแต่งเรื่องอะไรก็ได้มาหลอกให้คนอื่นหลงเชื่อ จากนั้นค่อยเฉลยในตอนท้าย
        ซึ่งเรื่องที่เอามาหลอกนั้นจะต้องไม่ทำให้อีกฝ่ายถึงกับเลือดตกยางออก และคนที่ถูกหลอกจะต้องไม่โกรธด้วย เพราะถือว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ ยกเว้นให้หนึ่งวัน

เรียน "การโรงแรม" ไม่ตกงาน ???

การโรงแรมและการท่องเที่ยว แม้ว่าในระยะนี้สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศเราจะวุ่นวาย แต่ทุกฝ่ายเชื่อกันว่า เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางอย่างที่ควรจะเป็น สาขาอาชีพที่เกี่ยวกับการโรงแรมและการท่องเที่ยวจะกลับคืนฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง อันเนื่องมาจากว่า ประเทศไทยเรายังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแหล่งทรัพยากรที่สวยงามรวมทั้งศิลปะ วัฒนธรรมอันดีงามเต็มบ้านเต็มเมือง
การเรียนเพื่อที่จะมุ่งหน้าไปสู่สาขาอาชีพการโรงแรมและการท่องเที่ยว จึงถือว่ายังเป็นสาขาที่มีอนาคต และที่สำคัญ เป็น "สาขาแห่งอนาคต" ที่จะยังเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานต่อเนื่องนับจากนี้ไปอีกนาน...
จากการสำรวจล่าสุด สาขานี้ ติดอันดับ 2 ที่ตลาดแรงงานมีความต้องการมากที่สุด รองลงมาจากอาชีพ "นักบัญชี"...

การโรงแรมและการท่องเที่ยว
        ฮิตมาตลอด และจะติดอันดับไปอีกนาน เพราะบ้านเราเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก รายได้จากการท่องเที่ยวกลายเป็นรายได้หลักของประเทศเชียวนะ แถมตัวเลขความต้องการคนที่จบด้านนี้ก็ยังสูงมาก ๆ คนที่ชอบและจบด้านนี้ มีหวังรับเละ
        ในการเรียนการโรงแรมและการท่องเที่ยวนี้ หลักสูตรโดยรวมจะเน้นไปที่ความรู้และทักษะวิชาชีพด้านการท่องเที่ยว การบริการลูกค้าในเรื่องของโรงแรมที่พัก ตลอดจนทักษะด้านภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาฝรั่งเศส ภาษาจีนกลาง การเรียนจะมีการฝึกงานทั้งในและนอกสถานที่ หรือตามสถานประกอบการจริงเพื่อให้ผู้เรียนได้รับรู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างเต็มที่
จบแล้วงานรอเพียบ
        ได้ทำงานตรงตามเป้าแน่ ๆ คือ เป็นมัคคุเทศก์ ล่าม ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยว ผู้ให้บริการด้านโรงแรม พนักงานตามสถานบริการต่าง ๆ  ถ้าของรัฐบาลก็คืองานที่เกี่ยวข้องกับการโรงแรมและท่องเที่ยว เช่นในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือถ้าหากอยากจะเป็นเถ้าแก่เองก็เช่น การเปิดร้านอาหาร การจัดการสัมมนา หรือจะเป็นตัวแทนด้านการท่องเที่ยวก็สร้างอนาคตได้ง่าย ๆ

วิธีย้อมผมให้ปลอดภัย

        สาวเปรี้ยวทั้งหลาย ที่ชอบ ทำสีผม ย้อมผม ต้องมาดูกันนะค่ะ ว่า การย้อมผม ไม่ใช่ได้เฉพาะความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ หากเรา ย้อมผม แบบ ผิดวิธี อันตรายก็อาจเกิดได้เหมือนกัน

ทำสีผม,ผม,ย้อมผม


       ยาย้อมผมเป็นเครื่องสำอางที่มีสารเคมีบางชนิดซึ่งก่อให้เกิดอันตรายได้หากใช้ผิดวิธี เพื่อความปลอดภัยควรทดสอบอาการแพ้โดยทาบนท้องแขนก่อนใช้ 24 ชั่วโมง

หากไม่มีอาการคัน บวม แดงจึงย้อมได้ ห้ามใช้ถ้ามีผื่นผิวหนังอักเสบ แผลเปิดหรือรอยถลอกบนหนังศรีษะ ไม่ควรเกาหรือนวดศรีษะก่อนและระหว่างย้อม

อย่านำไปย้อมขนที่อื่น เช่น ขนตา ขนคิ้ว ระวังไม่ให้น้ำยาย้อมกระเด็นเข้าตาเด็ดขาด หากมีอาการคัน ปวดแสบปวดร้อน มีผื่นแดงให้หยุดใช้ทันทีแล้วล้างออกด้วยน้ำปริมาณมาก ๆ แล้วรีบไปพบแพทย์

รู้อย่างนี้แล้ว ก็ควรใช้ยาย้อมผมอย่างระมัดระวังด้วย จะได้ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย.

อันตรายของคนทานรสหวาน

ขนมหวาน,อาหารหวาน


ทานอาหารรสหวาน ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ดังนี้

1. ร่างกายสูญเสียวิตามินบีเพื่อเผาผลาญน้ำตาลในเซลล์ นานเข้าทำให้สมองมึนงง หงุดหงิดง่าย

2. ตับอ่อนจะได้รับการกระตุ้นอยู่เรื่อย ๆ เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน

3. แคลอรีที่ได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้มีความเสี่ยงต่อโรคอ้วนและไตรกลีเซอไรด์สูง มีผลไปเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ อัมพาต

4. น้ำตาลที่เหลือในเซลล์จะถูกเปลี่ยนเป็นอัลดีไฮด์ มีฤทธิ์ทำลายเนื้อเยื่อ ทำให้เซลล์ร่างกายเสื่อมเร็ว

ทำไม ? เราควรดื่มน้ำ

        ความเป็นจริงก็คือร่างกายคนเราต้องสูญเสียน้ำ 1/8 แกลอนในแต่ละวันจากเพียงการหายใจ เราต้องเสียน้ำ 10 แก้วจากการหายใจ เหงื่อ และสารคัดหลั่งต่างๆจากร่างกาย น้ำที่สูญเสียไปต้องได้รับการทดแทนในปริมาณที่เหมาะสม คุณไม่ควรรอจนกระทั่งหิวน้ำแล้วจึงดื่มน้ำเพราะในเวลาที่คุณรู้สึกกระหายน้ำคุณก็จะเสียน้ำไปแล้วถึง2 แก้ว

เราควรดื่มน้ำปริมาณเท่าไหร่จึงจะเพียงพอ
      ปริมาณของน้ำที่เพียงพอมีความสำคัญมากในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของร่างกายเรา คนปรกติจะดื่มน้ำประมาณ6 แก้วต่อวันเท่านั้นซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานที่เพียงพอคือ 8 แก้ว ปริมาณน้ำที่คุณดื่มควรจะสัมพันธ์กับขนาดของร่างกาย
กิจกรรม และอณุภูมิของอากาศด้วย ผู้เชี่ยวชาญที่คลินิก Mayoประเทศสหรัฐอเมริกาได้แนะนำสูตรการคำนวณด้วยการเอาน้ำหนักของเราหาร2และใช้ผลลัพธ์เป็นปริมาตรออนซ์ของน้ำที่เราควรดื่มต่อวัน (8ออนซ์เท่ากับน้ำ1แก้ว) ตัวอย่างเช่นคนที่หนัก 125 ปอนด์หรือเท่ากับ 57 กิโลกรัม(1กิโลกรัมเท่ากับ1.205ปอนด์) ควรจะดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว ส่วนคนที่หนัก175ปอนด์หรือเท่ากับ 80 กิโลกรัมควรดื่มน้ำวันละ11 แก้ว และถ้าคุณเป็นคนที่มีกิจกรรมเยอะในแต่ละวันก็ควรดื่มน้ำเพิ่มขึ้นอีกวันละ1-3แก้ว

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

ตำนานวัน Halloween

งานฮาโลวีนทีมีในปัจจุบันนั้นเชื่อว่ามีที่มาจากวันฉลองปีใหม่ของชาวเคลต์ (Celts) ในวันที่ 1 พฤศจิกายนที่เรียกว่า Samhain คำนี้หมายถึงวันสิ้นสุดฤดูร้อน และเป็นชื่อของเทพเจ้าแห่งความตายด้วย วันนี้จะเป็นวันที่เส้นกั้นเขตแดนระหว่างคนเป็นกับคนตายเปราะบางมากที่สุด และเหล่าวิญญาณจะออกมาปะปนกับผู้คนบนโลกมนุษย์ได้ ค่ำ คืนวันที่ 31 ตุลาคมซึ่งเป็นคืนก่อนวันฉลอง Samhain จะเรียกวิญญาณของผู้ที่ตายในปีนั้นทั้งหมดขึ้นมาปรากฎตัวบนโลกบ้างก็ว่า เพื่อให้ผู้ตายไปเยี่ยมญาติ บ้างก็ว่าเพื่อให้ผู้ที่ถูกพิพากษาให้เข้าสิงสถิตในร่างสัตว์ขึ้นมาหาร่าง ใหม่ เพื่อที่จะได้มีชีวิตขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ทำ ให้ผู้คนชาวเซลท์ต้องหาทุกวิถีทางที่จะไม่ให้วิญญาณมาสิงสู่ร่างตน จึงปิดไฟทุกดวงในบ้าน ให้อากาศหนาวเย็น และไม่เป็นที่พึงปรารถนาของบรรดาผีร้าย นอกจากนี้ก็จะพากันแต่งตัวเป็นผีปีศาจหลากหลายประเภท มีการจัดเดินขบวนพาเหรดผี และส่งเสียงดังรอบๆ บ้านของเพื่อนบ้าน ทำบรรยากาศให้น่ากลัวเท่าที่จะทำได้ เพื่อหวังว่า เหล่าจิตวิญญาณที่จะคอยจ้องจะมาสิงเข้าร่างของพวกเขาจะเกิดความกลัวและหนีไป เพราะความตกใจในที่สุด
นอกจากนี้คืนดังกล่าวจะเป็นคืนเฉลิม ฉลองการสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยวและอาจมีการนำสัตว์หรือพืชผลมาบูชายัญ ให้กับเหล่าภูติผีและวิญญาณด้วย หลังจากคืนนั้นไฟทุกดวงจะถูกดับและจุดขึ้นใหม่ด้วยไฟศักดิ์สิทธิ์ของชาว เซลท์ ในสมัยต่อชาวโรมันคาทอลิกต้องการกำจัดพิธีเฉลิมฉลองของกลุ่มชนนอกศาสนา คริสต์เหล่านี้ สันตะปาปา Gregory ที่ 4 ได้กำหนดวันที่ 1 พฤศจิกายนให้เป็นวันเฉลิมฉลอง All Saints Day หรือ All Hallows Day สำหรับชาวคริสต์เพื่อระลึกถึงนักบุญและผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่การเฉลิมฉลองในคืนวันที่ 31 ตุลาคมหรือ Hallow’s Eve ก็ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบันแต่ชื่อเรียกได้เพี้ยนไปเป็น Halloween
ประเพณี ของวันฮาโลวีน นี้ได้นำเข้ามาเผยแพร่ใน อเมริกา ตอนปี ค.ศ.1840 โดยคนอังกฤษที่ได้หลบหนีเข้าประเทศ ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นในประเทศอังกฤษได้มีพวกที่นิยมแต่งตัวประหลาดแล้วยัง รวมไปถึงการเดินเหยียบย่ำและพังรั้วบ้าน แต่ประเพณีของการหยอกเล่นให้กลัวนั้น จริงๆแล้วไม่ได้เกิดมาจากคนกลุ่มเซลท์จากไอร์แลนด์ แต่ช่วงศตวรรษที่ 9 คนยุโรป ได้ตั้งชื่อเรียกว่า วันจิตวิญญาณ คือวันที่ 2 ของเดือนพฤศจิกายน จะมีการเดินขบวนจากหมู่บ้านหนึ่งไปอีกหมู่บ้านหนึ่งเพื่อที่จะขอขนมเค้กแห่ง จิตวิณญาณซึ่งทำมาจากขนมปังทรงสี่เหลี่ยมและใส่ลูกเกดด้วย ยิ่งขอขนมได้มากเท่าไร คำอธิฐานของผู้ที่ให้ขนมก็จะฝากมากับผู้ขอบริจาคขนมมากยิ่งขึ้นเท่านั้น เหมือนกับว่าผู้ขอขนมจะต้องเป็นตัวแทนในการที่จะพูดคุยกับคนตายที่เป็นญาติ กับผู้ที่บริจาคขนม ในเวลานั้นมีความเชื่อว่าคนตายนั้นจะถูกกักกันไว้ในนรก และถ้ามีผู้มอบส่วนบุญให้ ถึงแม้จะเป็นคนแปลกหน้าก็ตาม มันจะช่วยเร่งและปลดปล่อยให้พวกวิญญาณเหล่านั้นขึ้นไปสู่สวรรค์ได้
เป็น อย่างไรกันบ้างคะสำหรับตำนานวันฮาโลวีน ดูแล้วก็น่ากลัวอยู่เหมือนกันนะคะ แต่เรื่องราวในวันฮาโลวีนคงยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์แน่ๆ ถ้าหากเราจะไม่เล่าถึงตำนานตะเกียงฟักทองหรือ ประเพณีแจ็ค โอ แลนเทริน (Jack-O-Lanterns) ตำนานพื้นบ้านของชาวไอริช
ซึ่ง ได้เล่าไว้ว่า มีผู้ชายชื่อว่าแจ็ค โอ แลนเทริน ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องดื่มเหล้าเมายาและมีกลลวงมากมาย เคยหลอกให้ซาตานปีนขึ้นไปบนต้นไม้ หลังจากนั้นแจ็คก็จะจัดการแกะสลักรูปไม้กางเขนลงไปบนลำต้นของต้นไม้นั้น ซึ่งทำให้ซาตานลงจากต้นไม้ไม่ได้ แล้วแจ็คก็ได้ทำการต่อรองกับซาตานว่าถ้าซาตานจะไม่จับตัวเขาไปเขาสัญญาว่าจะ ปล่อยซาตานลงจากต้นไม้นั้น
หลังจากแจ็ค โอ แลนเทริน ได้ตายไปแล้ว เขาปฏิเสธที่จะขึ้นไปอยู่บนสวรรค์เพราะเขามีความคิดไปในทางของความชั่วร้าย แต่เขาก็ยังปฏิเสธที่จะไปอยู่ที่นรกเพราะเขาได้ทำข้อตกลงกับซาตานไว้ดั้ง นั้นซาตานได้ให้ถ่านไฟแก่เขาหนึ่งก้อนแทน เพื่อที่จะให้เขาใช้นำทางไปในทางที่มืดและหนาวเย็น ถ่านไฟก้อนนั้นได้ถูกใส่ไว้ข้างในของผักกาดที่กลวงแล้วเพื่อที่จะให้มันจุด อยู่ได้นาน
คนอังกฤษใช้ผักกาดกลวงนี้ตามแบบอย่างดั้งเดิมของ แจ็ค โอ แลนเทรินแต่เมื่อมีการโยกย้ายไปสู่อเมริกาพวกเขาพบว่าฟักทองนั้นสามารถหาได้ ง่ายกว่าผักกาด ดังนั้นรูปแบบแจ็ค โอ แลนเทรินในอเมริกาจะอยู่ในรูปของฟักทองกลวงและใส่ถ่านไฟไว้ข้างใน

ความรักของหญิงตาบอด

     
มีผู้หญิงคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุ
ทำให้ต้องตาบอดทั้งสองข้าง
และเธอก็ทุกข์ทรมานกับการสูญเสียการมองเห็น

แต่สามีเธอก็พยายาม ปลอบใจ และให้กำลังใจเธอตลอด
พยายามสอนให้เธอใช้ประสาทสัมผัสให้มากขึ้น

ที่ทำงานของเธอกับสามีอยู่คนละทาง
แต่เขาก็ขับรถไปส่ง และไปรับอยู่เสมอ

จนวันหนึ่งสามีเธอรู้สึกเหน็ดเหนื่อยมาก
เขาจึงพูดกับเธอว่าให้เธอลองพยายามขึ้นรถเมล์ไปทำงานเอง
โดยที่เขาไม่ต้องไปรับไปส่งได้ใหม
นาทีนั้น

เธอรู้สึกเหมือนโดดเดี่ยว และน้อยใจสามีเธอ
แต่เธอก็พยายามทำตามที่เขาขอ
เธอพยายามขึ้นรถเมล์เอง พยายามไปทำงานด้วยตัวเอง

จนในที่สุดเธอก็สามารถทำได้
วันหนึ่งก่อนที่เธอจะลงรถไปทำงานตามปกติ
คนขับรถเมล์ก็เข้ามาจับแขนเธอและพูดกับเธอว่า

ผมช่างอิจฉาคุณผู้หญิงจริงๆครับ
เธอก็เลยถามว่า อิจฉาเธอเรื่องอะไร
คนขับรถเมล์ก็เลยบอกว่า

สามเดือนที่ผ่านมา
ผมจะเห็นสุภาพบุรุษคนหนึ่งเขาจะขึ้นรถเมล์ตอนเช้า
มานั่งตรงเบาะหลังคุณ เฝ้ามองดูคุณด้วยความห่วงใย
และตามคุณลงรถไป
และเฝ้าดูคุณเดินเข้าไปที่ทำงานอย่างห่วงใย
และตอนเย็นทุกๆเย็นเขาก็จะมาเฝ้ารอดูคุณขึ้นรถ
และคอยดูคุณจนคุณลงรถ

พอเธอได้ยินดังนั้น เธอก็นำตาไหลด้วยความตื้นตัน
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยทิ้งเธอไปไหน

เขายังอยู่ดูแลเธออย่างใกล้ชิด
เขาเหนื่อยยิ่งกว่าตอนที่เขาต้องคอยมารับมาส่งเธอซะอีก

การเจริญเติบโตของทารกในระยะที่อยู่ในครรภ์

         การสืบพันธุ์ของคนเริ่มจากไข่ได้รับการปฏิสนธิจากอสุจิเป็นไซโกตที่ท่อนำไข่ส่วนต้น จากนั้นก็แบ่งเซลล์เพิ่มจำนวนกลายเป็นเอมบลิโอพร้อมกับเคลื่อนที่มาตามท่อนำไข่ เริ่มฝังตัวในผนังมดลูกเมื่ออายุได้ประมาณ 7 วัน และฝังตัวติดในผนังมดลูกเมื่ออายุได้ 9 วัน ในช่วงนี้จะมีการสร้างรกซึ่งเกิดจากกลุ่มเซลล์ที่อยู่ชั้นนอกของเอมบลิโอเจริญร่วมกับ เนื้อเยื่อชั้นในของผนังมดลูก ในระยะนี้มีการสร้างถุงน้ำคร่ำขึ้นด้วย เมื่ออายุได้ 2 สัปดาห์ เอมบลิโอจะมีความยาวประมาณ 1.5 มิลลิเมตร มีการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อเริ่มแรกขึ้น 3 ชั้น และในสัปดาห์ที่ 3 เริ่มปรากฏร่องรอยของระบบ และอวัยวะขึ้น ซึ่งได้แก่ระบบประสาท หัวใจมีลักษณะเป็นท่อและเริ่มเต้นเป็นจังหวะ ระยะนี้เอมบลิโอมีความยาวประมาณ 2.3 มิลลิเมตร หลังจากนั้นเอมบลิโอจะเริ่มมีอวัยวะต่างๆเจริญเพิ่มมากขึ้น แขน และขาเริ่มปรากฏชัดเจน เมื่ออายุได้ 4 สัปดาห์ อวัยวะต่างๆจะเจริญเติบโตมีอวัยวะครบ เมื่ออายุได้ 8 สัปดาห์ ซึ่งเป็นระยะสิ้นสุดของเอมบลิโอ และหลังจากระยะนี้แล้วจะเรียกว่า ฟีตัส (fetus)
เมื่ออายุได้ 8-9 สัปดาห์ จะมีนิ้วมือและนิ้วเท้าเจริญให้เห็นได้ชัดเจน และสามารถบอกเพศได้ในช่วงเดือนที่ 4-6 ฟีตัสจะมีขนาดโตขึ้นเรื่อยๆ มีการเคลื่อนไหวมากขึ้น สามารถรับเสียงจากภายนอกได้ มีการเจริญเติบโตของกระดูก มีผม มีขน ขนาดของฟีตัสในเดือนที่ 6 จะมีน้ำหนักประมาณ 680 กรัม ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ฟีตัสจะมีขนาดโตเพิ่มมากขึ้น ระยะนี้เป็นระยะที่มีระบบประสาทเจริญมาก หลังจากแม่ตั้งครรภ์ได้ประมาณ 280 วัน ซึ่งนับจากวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย ก็จะถึงระยะครบกำหนดคลอดออกมา โดยปกติส่วนหัวของทารกจะออกมาก่อน หลังจากคลอดออกมาประมาณ 1 นาที ทารกจะเริ่มหายใจและติดตามด้วยเสียงร้อง ถ้ามีการคลอดหลังจากอยู่ในท้องแม่ได้เพียง 6 เดือน อาจรอดชีวิตได้แต่ต้องเลี้ยงไว้ในตู้อบที่ควบคุมอุณหภูมิให้ใกล้เคียงกับอุณหภูมิในร่างกายแม่ และมีเครื่องช่วยหายใจด้วย

วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2554

Profile :)

นาวสาว ณัฐธิชา พัชรไพลิน ชื่อเล่น ^พิวเตอร์^
นิสิตคณะบัญชีและการจัดการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ยินดีที่ไม่รู้จักค่ะ :)

Bigbang.. love u alway :)